สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) (สพพ.) จัดการประชุมเพื่อประชาสัมพันธ์ข้อมูลโครงการศึกษาความเหมาะสมและออกแบบรายละเอียด งานก่อสร้างถนน จากด่านเจดีย์สามองค์/พญาตองซู-ทันพยูไซยัค (ช่วงท้ายหมู่บ้านพญาตองซู-บ้านช่องสง)และอาคารด่านชายแดน สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ และรับฟังความคิดเห็นข้อเสนอแนะเกี่ยวกับโครงการจากหน่วยงานทั้งของประเทศเพื่อนำเสนอหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไปเป็นโครงการนำร่องเพื่อสานสัมพันธ์อันดีระหว่างสองประเทศ
วันนี้ (๑ พ.ย.๕๗ ) เวลา ๐๙.๓๐ น. ที่ ห้องประชุมที่ว่าการอำเภอพญาตองซู สาธารณรัฐแห่งสหภาพ-เมียนมาร์ นายธีรศักดิ์ มงคลโภชน์ รองผู้อำนวยการสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) (สพพ.) และนายอู วิน หลุ่ย รองอธิบดีกรมโยธา สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ พร้อมด้วยหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน จากประเทศไทย อาทิ จังหวัดกาญจนบุรี องค์การบริหารส่วนจังหวัดกาญจนบุรี ศุลกากร หอการค้า หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน จากสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ เข้าร่วมประชุมประชุมเพื่อประชาสัมพันธ์ข้อมูลโครงการศึกษาความเหมาะสมและออกแบบรายละเอียด งานก่อสร้างถนนจากด่านเจดีย์สามองค์/พญาตองซู-ทันพยูไซยัค (ช่วงท้ายหมู่บ้านพญาตองซู- บ้านช่องสง)และอาคารด่านชายแดน สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์
สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) (สพพ.) ได้ดำเนินโครงการศึกษาความเหมาะสมและออกแบบรายละเอียด งานก่อสร้างถนนจากด่านเจดีย์สามองค์ /พญาตองซู-ทันพยูไซยัค (ช่วงท้ายหมู่บ้านพญาตองซู-บ้านช่องสง)และอาคารด่านชายแดน สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ เพื่อศึกษาความเหมาะสมของโครงการ โดยศึกษาและวิเคราะห์ครอบคลุม ทั้งด้านวิศวกรรม เศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งผลกระทบและประโยชน์ที่เกิดขึ้นของโครงการฯ และเพื่อสำรวจออกแบบรายละเอียด ประเมินราคาค่าก่อสร้าง และเตรียมการประกวดราคา สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) (สพพ.) จึงได้มีการจัดการประชุมเพื่อประชาสัมพันธ์ข้อมูลโครงการศึกษาความเหมาะสมและออกแบบรายละเอียด งานก่อสร้างถนนจากด่านเจดีย์สามองค์/พญาตองซู-ทันพยูไซยัค (ช่วงท้ายหมู่บ้านพญาตองซู-บ้านช่องสง)และอาคารด่านชายแดน สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ ขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารของโครงการฯ ให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องของทั้งสองฝ่ายทราบและเพื่อรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะในประเด็นต่างๆเกี่ยวกับโครงการเพื่อนำไปเสนอแก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป
ทั้งนี้รัฐบาลไทยได้มีนโยบายในการสร้างความเชื่อมโยงระหว่างประเทศและสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศ พร้อมทั้งได้มีนโยบายยกระดับจุดผ่านแดนบริเวณด่านเจดีย์สามองค์-พญาตองซู ให้เป็นจุดผ่านแดนถาวร ดังนั้นเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล สพพ.จึงได้ดำเนินโครงการศึกษาความเหมาะสมและออกแบบรายละเอียด งานก่อสร้างถนนจากด่านเจดีย์สามองค์ /พญาตองซู-ทันพยูไซยัค (ช่วงท้ายหมู่บ้านพญาตองซู-บ้านช่องสง)และอาคารด่านชายแดน สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ โดยการให้ความช่วยเหลือทางวิชาการแก่สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ เพื่อดำเนินการศึกษาความเหมาะสมและออกแบบรายละเอียด งานก่อสร้างถนนจากด่านเจดีย์สามองค์/พญาตองซู-ทันพยูไซยัค (ช่วงท้ายหมู่บ้านพญาตองซู-บ้านช่องสง)และอาคารด่านชายแดน สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ และอาคารด่านชายแดน สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ โดยมีจุดเริ่มต้นท้ายหมู่บ้านพญาตองซู ซึ่งอยู่ห่างจากเส้นเขตแดนประมาณ ๓ กิโลเมตร ไปสิ้นสุดที่บ้านช่องสง บริเวณริมแม่น้ำแมะกะสะ โดยมีระยะทางรวม ๑๒ กิโลเมตร ซึ่งหากโครงการนี้เสร็จจะส่งผลดีกับทั้ง ๒ ประเทศในด้านการขนส่ง การค้า และการท่องเที่ยว เป็นอย่างมาก
นายอู วิน หลุ่ย รองอธิบดีกรมโยธา สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ กล่าวว่า ทางสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) (สพพ.) และทางรัฐบาลของสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ ได้ตกลงร่วมกันในการดำเนินโครงการสร้างถนนและด่านผ่านแดนซึ่งต้องขอขอบคุณทุกภาค ส่วนและขอให้ร่วมกันสร้างถนนให้เป็นเส้นใหญ่ มีมาตรฐานให้ได้และการสร้างด่านชายแดนที่มีมาตรฐานเพื่อความสะดวกในหลายๆด้าน
นายธีรศักดิ์ มงคลโภชน์ รองผู้อำนวยการสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) (สพพ.) กล่าวว่า โครงการศึกษาความเหมาะสมและออกแบบรายละเอียด งานก่อสร้างถนนจากด่านเจดีย์สามองค์/พญาตองซู-ทันพยูไซยัค. มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาถนนและพัฒนาด่านจุดผ่านแดนแทนจุดเก่าที่มีอยู่ เพื่ออำนวยความสะดวก ในด้านการเดินทางและการการค้า โดยได้ลงพื้นที่สำรวจในจุดที่จะสร้างถนนระยะทาง ๒๑ กิโลเมตร และสำหรับในเรื่องของด่านผ่านแดนขณะนี้ ยังไม่สามารถกำหนดในเรื่องจุดที่ตั้งของด่านผ่านแดนได้ จึงจะมีการหารือกันต่อไป เพื่อหาจุดที่เหมาะสม ดังนั้นจึงจะดำเนินการพัฒนาในเรื่องถนนก่อน ซึ่งการดำเนินการพัฒนาในครั้งนี้ เพื่อเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีของทั้ง ๒ ประเทศ และจะส่งผลถึงด้านการค้าและการท่องเที่ยวให้ได้รับความสะดวก อีกทั้งยังเป็นโครงการนำร่องโครงการอื่นๆในอนาคต ระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์อีกด้วย
ประชาสัมพันธ์จังหวัดกาญจนบุรี / เรวัติ น้อยวิจิตร กาญจนบุรีนิวส์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น