วันจันทร์ที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ราชบุรี จังหวัดนี้ไม่ได้มีดีแค่แกะ ..




            จังหวัดราชบุรีในความคิดของผม อาจไม่ได้มีชื่อเสียงโด่งดังนักในเรื่องของการท่องเที่ยว จะรู้จักก็แค่โอ่งราชบุรีกับนมหนองโพเท่านั้น แต่ในระยะเวลาช่วงสองสามปีมานี้ราชบุรีเริ่มเป็นที่รู้จักในเรื่องของการท่องเที่ยวมากขึ้น อาจเป็นเพราะกระแสการโปรโมทของรีสอร์ทในจังหวัดเอง หรือการสนับสนุนจากทางราชการก็แล้วแต่  ทำให้ในวันนี้ราชบุรีเป็นอีกจังหวัดหนึ่งที่น่าจับตามองมากขึ้น



             จังหวัดราชบุรีเป็นหนึ่งจังหวัดในภาคกลาง ที่มีภูมิประเทศหลากหลาย จากพื้นที่ที่ราบต่ำ จนถึงพื้นที่สูงทิวเทือกเขาตะนาวศรี จึงทำให้จังหวัดราชบุรีมีที่ท่องเที่ยวหลากหลายแตกต่างกันไป การเดินทางก็ไม่ยากลำบากเพราะมีทั้งรถทัวร์ รถตู้ หรือจะขับรถยนต์ไปเองก็สะดวกรวดเร็ว เพราะอยู่ห่างจากกรุงเทพประมาณ 109 กิโลเมตรเท่านั้น การเดินทางในครั้งนี้เราใช้ถนนหมายเลขส้นทางหลวงหมายเลข 338 จากกรุงเทพฯ-พุทธมณฑล-นครชัยศรี เข้าถนนเพชรเกษมบริเวณอำเภอนครชัยศรี  ก่อนถึงตัวเมืองนครปฐมประมาณ 16 กิโลเมตร จากนั้นใช้ถนนเพชรเกษมตรงไปตัวเมืองราชบุรี

     

                ขับไปตามถนนสายนี้เราก็จะไปแวะพักที่ สหกรณ์โคนมหนองโพ  ที่นี้เราสามารถเข้าชมด้านในได้แต่ต้องติดต่อล่วงหน้า  ด้านหน้าจะเป็นร้านที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่ได้มาจากสหกรณ์ ไม่ว่าจะเป็นนม นมเปรี้ยว หรือไอศกรีมนม 



                ไอศกรีมนมรสชาติดีมากครับให้ความรู้สึกถึงนมโคแท้ๆกันเลยทีเดียว  สามารถสู้กับไอศกรีมนมชื่อดังแถวสระบุรีได้เลยที่เดียว  แถมราคาก็ถูกกว่ากันครึ่งนึงด้วยนะครับ 


                 ออกจากสหกรณ์โคนมหนองโพ  ขับรถจนไปถึงแยกบางแพ เลี้ยวซ้ายมือไปตามทางหลวงหมายเลข 325 อีกประมาณ 25 กิโลเมตร ข้ามสะพานธนะรัชต์เลยไป 200 เมตร แล้วแยกขวาเข้าไปอีก 1  กิโลเมตร  ครับที่ๆเราจะไปต่อคือตลาดน้ำดำเนินสะดวกนั้นเอง  ที่นี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากของราชบุรี



                ในแต่ละวันจะมีพ่อค่าแม่ค้าพายเรือมาขายสินค้ากันอย่างมากมาย  เมื่อก่อนเราจะพบภาพ พ่อค้าแม่ค้าสวมเสื้อผ้าโทนสีเข้มแบบชาวสวน ใส่หมวกงอบใบลาน พายเรือเร่ขายแลกเปลี่ยนสินค้ากัน
แต่ปัจจุบันเป็นที่น่าเสียดายว่าภาพเหล่านั้นถูกแทนที่ด้วย กันสาดบังแดด  เรือยนต์ เรือนำเที่ยว ทำให้ภาพตลาดน้ำที่แสนสวยงาม นั้นไม่มีอีกแล้ว 



                  ออกจากตลาดน้ำเราจะย้อนกลับเส้นทางเดิม  เพื่อที่จะไปนมัสการหลวงพ่อสดกันที่วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม ที่นี่มีพระอุโบสถสร้างในสมัยอยุธยาตอนปลายและเป็นที่เก็บรักษาพระพุทธรูปหยกปางต่าง ๆ  (แต่ผมหาไม่เจออ่ะ)  และภายในวัดมีอุทยานการศึกษาและสวนป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติฯบนพื้นที่กว่า 200 ไร่  วัดแห่งนี้เคยได้รับรางวัลสวนป่าดีเด่นจากกรมป่าไม้ ประจำปี 2539 



                    บนถนนสายนี้ ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกแห่งหนึ่งก็คือ อุทยานหุ่นขี้ผึ้งสยาม 



                    ที่นี้เป็นสถานที่ที่รวมผลงาน ประติมากรรมรูปเหมือน  บุคคลสำคัญต่างๆที่ผู้ก่อตั้ง มีความศรัทธายกย่อง  ในด้าน แนวความคิด ในการทำงาน และการดำเนินชีวิต 





ภายในได้จัดเป็นส่วนแสดงต่างๆ และมีสวนหย่อมให้พักผ่อนหย่อนใจอีกด้วย



 ชอบมุมนี้ครับดูขำๆดี แต่น้องชายตัวดีมันทักว่า "ระวังนรกจะกินหัวนะพี่"


         ขับออกมาจนถึงถนนสาย 4 เช่นเดิม  คราวนี้เราจะแวะเลือกซื้อของฝากที่มีชื่อเสียงของราชบุรีกัน
แน่นอนครับมันคือโอ่งราชบุรีนั้นเองครับ 


ที่โรงโอ่งรัตนโกสินทร์นอกจากจะมีโอ่งให้เลือกมากมายหลายขนาด


ตั้งแต่เล็กจิ๋วจนไปถึงโอ่งขนาดใหญ่แล้วก็ยังมีสินค้าเครื่องปั้นดินเผาอื่นให้เราได้เลือกอีกมากมายครับ


เมื่อมาถึงราชบุรีแล้วก็อย่าลืมไปนมัสการพระคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดราชบุรีกันที่วัดช่องลมนะครับ


           วัดช่องลมนี้เป็นที่ประดิษฐานของหลวงพ่อแก่นจันทร์  เป็นพระพุทธรูปปางอุ้มบาตร สร้างด้วยโลหะทองคำสัมฤทธิ์ ส่วนล่างแกะสลักจากไม้จันทน์ซึ่งเป็นไม้เนื้อหอม  อันเป็นที่เคารพบูชาของชาวราชบุรีมาตั้งแต่โบราณ 


       ใกล้ๆกันก็มี วัดศรีสุริยวงศาราม  วัดแห่งนี้มีลักษณะศิลปกรรมภายในวัดเป็นเอกลักษณ์ และไม่เหมือนวัดอื่น ๆ ในจังหวัดราชบุรี ซึ่ง พระอุโบสถ พระเจดีย์ และกุฏิสงฆ์ เป็นศิลปะไทยประยุกต์ผสมผสานกันระหว่างแบบไทย และแบบตะวันตก  ซึ่งเป็นที่นิยมในสมัยรัชกาลที่ 5 


ศาลแขวงจังหวัดครับสีสวยดี


ขับรถเที่ยวนอกเมืองกันบ้าง  เราใช้ถนนหมายเลข 3291  ผ่านโบราณสถานเจดีย์หัก 


เมื่อถึงแยกเขางู  เลี้ยวซ้ายเข้าถนน 3087  ไปทางอำเภอจอมบึง  เราจะถึงถ้ำเขาบินก่อน
ด้านขวาจะเป็น เขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาประทับช้าง


มีสวนสัตว์เปิดด้วยนะครับเมื่อก่อนคงบูมน่าดู 


ให้รู้ว่าราชบุรีไม่ได้มีแค่แกะนะ 


ถ่ายได้สวยชัดจริงๆครับ


ข้ามฝั่งมาถ้ำเขาบินครับ


รูปสวยค่ะ... ราชบุรี  ติดกับบ้านแพ้วเลยค่ะ  ต้องไปเที่ยวมั่งแล้ว..


ถ้ำเขาบินเป็นถ้ำที่มีการจัดแสงสีภายในถ้ำเป็นแห่งแรกในประเทศไทย


ภายในถ้ำแบ่งออกเป็น 8 คูหา คือ ศิวสถาน โถงอาคันตุกะ ธารอโนดาต สกุณชาติคูหา
เทวสภาสโมสร กินนรทัศนา พฤกษาหิมพานต์ และอุทยานทวยเทพ 


ภายในถ้ำยังมีบ่อน้ำแร่เล็ก ๆ ที่ชาวบ้านเชื่อว่า เป็นบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์


หลังจากที่เดินดูภายในถ้ำแล้ว ผมสังเกตุว่ามีหินงอกหินย้อยอยู่หลายแหล่งที่ยังไม่ตาย
แต่น่าเสียดายที่มีคนมือบอนไปหักมันทิ้งซะแล้วทำให้มันไม่สามารถโตได้อีก
ไม่อย่างนั้นเราคงได้มีโอกาสชมหินงอกหินย้อยได้สวยงามมากขึ้นกว่านี้แน่นอนครับ


ไหนๆก็เที่ยวถ้ำแล้ว  ขอต่อด้วยถ้ำจอมพลอำเภอจอมบึงนะครับ 


ถ้ำแห่งนี้พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรม ราชินีนาถ
ได้เสด็จประพาสถ้ำแห่งนี้ด้วย


จึงมาถึงรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก็ได้เสด็จประพาสถ้ำนี้เช่นกัน
ทรงพอพระทัยความงามของหินงอกหินย้อยโดยเฉพาะ หินย้อยผาวิจิตร


หินย้อยผาวิจิตร เป็นกลุ่มหินย้อยที่เหมือนริ้วไหมอินทรธนูบนบ่าของจอมพล จึงทรงพระราชทานนามถ้ำใหม่ว่า “ถ้ำจอมพล”


นอกจากหินงอกหินย้อยที่สวยงามแล้ว ยังเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์


ซึ่งมีงานฉลองเป็นประจำทุกปีในหน้าแล้ง ถ้ำเปิดให้เข้าชมทุกวัน


ขับรถต่อจนไปถึงอำเภอสวนผึ้งกันเลย


 ระหว่างทางจะมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งที่น่าแวะนั้นก็คือ โป่งยุบครับ



โป่งยุบเกิดจากการยุบตัวของดินทำให้เกิดเป็นหลุมขนาดเล็กและใหญ่หลายแห่ง บางแห่งก็มีขนาดที่ลึกมาก 


คล้ายๆกับ เสาดินนาน้อยและคอกเสือ จังหวัดน่าน  แพะเมืองผี จังหวัดแพร่ ละลุ จังหวัดสระแก้ว
นั่นแหละครับ 


ที่โป่งยุบนี้เป็นที่ดินของเอกชนครับ บางครั้งไปอาจจะปิดอยู่ก็ได้นะครับต้องสอบถามรายละเอียดอีกที่


สิ่งที่น่าจะทำให้ราชบุรีเริ่มกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง  ก็น่าจะเป็นเสน่ห์ของรีสอร์ทที่สวนผึ้งนี้แหละครับ
ที่มีการออกแบบสถานที่พักอย่างสวยงาม


และกิจกรรมให้เราได้สนุกกันเช่นการเลี้ยงแกะ และการขี่ม้า


เจ้านี้มันขี้เกียจเหลือเกิน


ที่ซีเนอรีนี่มากี่ทีก็เปลื่ยนพร็อพตลอดครับ


จังหวัดราชบุรีนี้ก็มีบ่อน้ำร้อนด้วยนะครับ รู้สึกว่าจะมีอยู่สองที่   แต่ที่จะมาแนะนำในวันนี้ ชื่อของเค้าคือ ธารน้ำร้อนบ่อคลึง 


ผู้ค้นพบ คือ นายประยูร โมนยะกุล ดูแลรักษาที่นี่ โดยลูก หลาน คุณประยูร และเป็นที่ดินกรรมสิทธิ์ส่วนบุคคล บ่อคลึงเป็นธารน้ำร้อนธรรมชาติที่มีต้นกำเนิดมาจากเทือกเขาตะนาวศรี
จะมีน้ำไหลอยู่ตลอดปี เป็นน้ำร้อนบริสุทธิ์ 


 อุณหภูมิของน้ำประมาณ 120-136 องศาฟาเรนไฮต์  ในช่วงฤดูหนาวยามเช้าไอน้ำร้อนจะลอยกรุ่นเป็นหมอกสวยงาม มีบ่อน้ำร้อนและสระน้ำสำหรับอาบน้ำร้อนธรรมชาติ


เลยจากธารน้ำร้อนบ่อคลึงไปประมาณ 1 กิโลเมตร   จุดสุดท้ายของผมที่สวนผึ้งคือ น้ำตกเก้าโจน 


เป็นน้ำตกขนาดกลาง มีความสูง 9 ชั้น ตกจากหน้าผาสูงกลางหุบเขา มีน้ำตลอดปี ปริมาณน้ำจะมากในชั้นบนๆ


ขากลับอย่าลืมแวะ ล้านหอมเทียนนะครับ
ตรงหลักกิโลเมตรที่ 33 ของทางหลวงสายจอมบึง-สวนผึ้ง หมายเลข 3087



เจ้าของร้านใจดีและคุยเป็นกันเองมาก แกเล่าว่าที่จริงไม่ได้อยากเปิดร้านขายเทียนหอมหรอก


แกจะเปิดร้านเหล้าเอาไว้กินกับเพื่อนๆ แต่ด้วยการตบแต่งร้านแบบสไตล์ของแกเอง 


เลยมีคนนิยมกันบอกปากต่อปากจนลูกค้าติดใจกันเป็นแถวๆ(แล้วไงมาเป็น ล้านหอมเทียนได้หว่า)


ไปหาคำตอบกันเอาเองนะครับ


ภายในบริเวณร้านมีมุมสวยๆให้ถ่ายรูปได้มากมายครับ


ใช้ถนนเส้นเดิม  จนไปถึงแยกเขางู  คราวนี้เราจะขับตรงไปเข้าสู่ถนนหมายเลข 3089
เราจะไปแวะกันที่สวนหินเขางู 


ที่นี้มีวิวสวยๆให้เลือกถ่ายรูปมากมาย  บางมุมดูแล้วไม่รู้เลยว่าอยู่ราชบุรี 


เมื่อก่อนเคยมีกิจกรรมเอ็จเวนเจอร์ให้เล่น  แต่ปัจุปันได้ยกเลิกไปสัมปทานไปแล้ว
ยังมีร่องรอยสิ่งก่อสร้างหลงเหลือไว้อยู่เลย น่าเสียดายเหมือนอยู่กัน 


ใช้ถนนเส้นเดิมครับขับขึ้นไปทาง อ.โพธาราม  ประมาณ 5-6 กิโล เราจะพบกับวัดหนองหอยครับ 


วัดหนองหอยเป็นที่ตั้งของพระวิหารพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์กวนอิม มีความสูง 16 เมตร หน้าตักกว้าง 9 เมตร


 ในวันเสาร์-อาทิตย์ หรือวันหยุดต่างๆจะมีเหล่าพุทธศาสนิกชนมาที่วัดแห่งน้อย่างไม่ขาดสายเลยครับ



ภายในบริเวณวัดก็ร่มรื่นมากๆด้วย


            ออกมาจากวัดหนองหอยแล้วเราก็ยังใช้ถนนเส้น 3089 อยู่ครับ   ขับไปทางโพธาราม ไปตามทางเรื่องเราจะพบกับสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่ง  คือเขาช่องพราน ที่นี้มีฝูงค้างคาวนับล้านตัว ที่กรูกันบินออกจากถ้ำพวยพุ่งเป็นสายสีดำ นานนับชั่วโมงทุกเย็นในช่วงใกล้พลบค่ำ เวลาประมาณ 17.30 น.


ในช่วงฤดูร้อนฝูงค้างคาวจะบินไปทางทิศตะวันออก ในช่วงฤดูหนาวฝูงค้างคาวจะบินไปทางทิศตะวันตก 


ถาพจากจุดชมวิวบนเขาช่องพราน


เรายังไม่เปลื่ยนเส้นทางของเราครับ  ถนนเส้น 3089 นั้นยังมีแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมอีกแห่งหนึ่งคือ  วัดขนอน หรือที่เรารู้จักกันในนาม วัดขนอนหนังใหญ่ 


อดีตเจ้าอาวาสวัดขนอนในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็นผู้สร้างขื้น


ศิลปะหนังใหญ่ได้รับการยกย่องว่าเป็นการละเล่นชั้นสูง ตัวหนังมีการแกะสลักลวดลาย


ใช้วงมโหรีปี่พาทย์เป็นเครื่องดนตรีประกอบ พร้อมกับลีลาของคนเชิดประกอบบทพาทย์และบทร้อง


ตัวหนังและคณะหนังใหญ่ที่สมบูรณ์อยู่ในความอุปถัมภ์ของวัด


และยังคงมีการจัดการแสดงหนังใหญ่สืบทอดต่อมาจนถึงทุกวันนี้ โดยนักเรียนจากโรงเรียนวัดขนอน
ทางวัดได้จัดแสดงเชิดหนังใหญ่ในทุกวันเสาร์ ตั้งแต่เวลา 10.00-11.00 น. เพียงรอบเดียว


ส่วนพิพิธภัณฑ์เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น.


ภาพบางส่วนของพิพิธภัณฑ์หนังใหญ่


อุปกรณ์การสร้างตัวหนังใหญ่


อีกวัดหนึ่งที่น่าสนใจในอำเภอโพธารามคือ วัดคงคาราม ครับ วัดคงคาราม เป็นวัดมอญ ที่มีมาแต่โบราณอายุ ประมาณ ๒๐๐ กว่าปี   จะสร้างในครั้งใดไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัด 


จากการเล่าสืบต่อมาของชาวบ้านซึ่งมีเชื้อสายมอญพอจะจับเค้าได้ว่า ในสมัยปลายกรุงศรีอยุธยาต่อกับกรุงธนบุรีและต้นรัตนโกสินทร์  มีพวกมอญได้อพยพเข้ามาตามลำน้ำแม่กลองมาตั้งถิ่นฐานอยู่เหนือเขตอำเภอ โพธาราม  (ในสมัยนั้นยังไม่ได้เป็นอำเภอ) ขึ้นไปจดใต้อำเภอบ้านโป่ง  และได้สร้างวัดนี้ขึ้น หรือวัดนี้อาจจะสร้างมาก่อนที่พวกมอญจะอพยพเข้ามา และหลังจากเข้ามาตั้งถิ่นฐานอยู่ก็ได้ทำนุบำรุงเป็นวัดมอญสืบต่อมา 


สิ่งที่น่าสนใจของวัดแห่งนี้คือจิตรกรรมฝาผนัง ( มีแอบอีโรติคเล็กๆ )
รูปแบบของจิตรกรรมก็เป็นลักษณะไทยแบบประเพณีที่สืบมาตั้งแต่สมัยกรุง ศรีอยุธยา
จัดว่ามีความงามและมีคุณค่าทั้งในเชิงศิลปะ วัฒนธรรม และประวัติศาสตร์


หากบางท่านสนใจในขนบธรรมเนียมประเพณีของชาวมอญในจังหวัดราชบุรี
ท่านก็ยังสามารถไปชมพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านวัดม่วงได้อีกด้วยครับ


ที่นี้เป็นแหล่งรวบรวมข้าวของเครื่องใช้


และภาพบรรยายชีวิตความเป็นอยู่ของชาวมอญในจังหวัดราชบุรี


ย้อนกลับมาที่ตำบลเจดีย์หักนะครับ  ที่นี้ยังมีอีกวัดหนึ่งที่น่าสนใจนะครับชื่อ วัดอรัญญิกาวาส วัดนี้เดิมชื่อ “ วัดเจริญธรรมวิหาร ” เป็นวัดที่สร้างมาแต่สมัย โบราณ  เป็นวัดโบราณสมัยขอม ประมาณศตวรรษที่ 10 ถึง 16 มีปูชนียสถาน คือ ปรางค์ขอม-เขมร  ที่นับถือศาสนา พราหมณ์ 

ตำบล เจดีย์หัก อำเภอเมืองครับ  ที่จริงผมมีประวัติของ คนไทยก่อนสุโขไทย (เขียนแบบโบราณ)  ซึ่งเป็นประวัติการสร้างวัดแห่งแรกในพุทธศาสนาในไทยอยู่ที่ราชบุรีครับ แต่จะมีนักประวัติศาสตร์ปัจจุบันเคยศึกษา หรือเชื่อแนวความคิดหลักฐานอันนี้บ้างหรือเปล่าไม่ทราบเพราะเป็นงานค้นคว้าของพระราชกวี อดีตรองเจ้าอาวาสวัดโสมนัส เนื้อหากล่าวถึงหลักฐานต่างๆเช่น กเบื้องจารที่พบจากหลายๆเมือง และมีหลักฐานว่าแถบราชบุรีนี้เคยเป็นเมืองหลวงของไทยในยุคก่อนสุโขทัย ชิ่อหนังสือที่ผมเคยอ่าน คนไทยก่อนสุโขไทย ถ้าใครสนใจลองสอบถามที่วัดโสมนัส เคยเห็นมีคนเอามาออกงานตอนอบรมกรรมฐานด้วย น่าสนใจมาก ประวัติศาสตร์ชนชาติไทย ยิ่งใหญ่มากทีเดียวครับ 


พระปรางค์ สร้างเมื่อ พ.ศ.2030-2035 เป็นเจดีย์ 4 องค์ แบบบัวผันสร้างว้า 4 มุมรอบพระปรางค์
ซึ่งปัจจุบันนี้เหลือทางทิศใต้เท่านั้น ลักษณะเป็นหินทราย
ผู้สร้าง ขุญหาญ บุญไทย บูรณะครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2425-2440 จึงแล้วเสร็จ

พระนอน สร้างเมือ พ.ศ.2030-2035 ลักษณะเป็นหินทรายแดง มีความยาว 15 วา
ทำการบูรณะซ่อมแซมโดยการสร้างครอบองค์จริง องค์ที่สร้างใหม่มีความยาว 30 วา
ทำการบูรณะโดยพระพุทธปาพจนบดี ปี พ.ศ. 2505 ยังไม่แล้วเสร็จ จนถึงปัจจุบันนี้
โดยท่ายเจ้าคุณ พระมหาสมณวงศื (แท่น) ครั้งสุดท้าย เมื่อ พ.ศ. 2515 โดยกรมศิลปากรเป็นผู้ดำเนินการ


             เราจะไปต่อกันที่โบราณสถานคูบัวเป็นโบราณสถานหมายเลข 18 ตั้งอยู่ด้านหลังโรงเรียนวัดคูบัว  มีลักษณะเป็นฐานเจดีย์ มีแผนผังรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ขนาดกว้างยาวด้านละ 20.80 เมตร ความสูง 5.40 เมตร ฐานชั้นล่างเป็นฐานสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ ก่ออิฐสอปูน ถัดขึ้นไปเป็นฐานบัวโค้งรองรับหน้ากระดานมีช่องซุ้มสี่เหลี่ยมโดยรอบ ด้านบนเป็นลานประทักษิณ ชั้นที่สองเป็นฐานขององค์เจดีย์ มีฐานบัวโค้งรองรับหน้ากระดานซึ่งมีซุ้มสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดเล็กรององค์ เจดีย์ มีร่องรอยของปูนฉาบ  ที่ฐานบัวโค้งแต่ไม่ปรากฏร่องรอยการประดับประติมากรรมปูนปั้น หลักฐานทางโบราณคดีหลายอย่างซึ่งชี้ให้เห็นว่า ดินแดนราชบุรีแห่งนี้ เคยเป็นเมืองท่าที่เจริญรุ่งเรืองในยุคทวารวดี สถาปัตยกรรมในเมืองโบราณคูบัวได้รับอิทธิพลทางด้านศิลปะ จากช่างสมัยราชวงศ์ คุปตะ ประเทศอินเดีย  และมีหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่า  พุทธศาสนาได้เจริญรุ่งเรืองในประเทศไทยมามากกว่า 1,000 ปี  ส่วนโบราณวัตถุสำคัญต่าง ๆ  ที่ค้นพบโดยเฉพาะเศียรพระพุทธรูปสมัยโบราณ เก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ราชบุรี  และบางส่วนเก็บรักษาไว้ที่วัดโขลงสุวรรณคีรี เมืองโบราณบ้านคูบัวพบหลักฐานกระจัดกระจายทั่วบริเวณหลายแหล่ง



อาทิ โบราณสถานวัดโขลง  ตั้งอยู่บริเวณทางเข้าวัดโขลงสุวรรณคีรี ห่างจากตัวเมืองราชบุรีไปทางทิศใต้ตามถนนท้าวอู่ทองประมาณ 5 กิโลเมตร  เป็นโบราณสถานที่มีแผนผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า  มีมุขยื่นออกมาทางด้านทิศเหนือและด้านใต้ด้านละ 3 มุข  ทางด้านตะวันออกมีมุขยื่นออกมาเป็นบันไดทางขึ้น  ฐานชั้นล่างสุดเป็นฐานสี่เหลี่ยมก่อด้วยศิลาแลงฉาบปูน มีมุขยื่นออกมาจากฐานด้านข้างด้านละ 3 มุม
ฐานชั้นที่สองเป็นฐานบัวโค้ง ถัดขึ้นไปเป็นอิฐก่อเป็นช่องซุ้มรูปสี่เหลี่ยมประดับปูนปั้นรูปบัวฟันยักษ์
ชั้นถัดไปเป็นฐานหน้ากระดานรองรับซุ้มสี่เหลี่ยมผืนผ้า เหนือขึ้นไปเป็นเสาอิงสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ 


จากโบราณสถานวัดโขลง   เราสามารถขับรถ  ไปชมโบสถ์คริสต์วัดพระหฤทัยที่อำเภอวัดเพลงได้ 


โบสถ์นี้มีอายุกว่า 100 ปี  เด่นสง่างดงามตามสไตล์ตะวันตก แบบโกธิค


โดยโบสถ์หลังแรกเป็นโบสถ์ไม้ โบสถ์หลังปัจจุบันเริ่มก่อสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2423 แล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2446


 ลักษณะโครงเป็นแบบผนังรับน้ำหนักถ่ายน้ำหนักลงสู่เสาเข็มไม้ ผนังก่ออิฐฉาบปูนลักษณะโดยรวมงดงามมาก ทางโบสถ์ได้จัดงานครบรอบ 100 ปี เมื่อเดือน พฤศจิกายน 2546 


บรรยากาศยามเย็นริมถนนสายหนึ่งของราชบุรีครับ  จริงๆแล้วยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกมากมายในจังหวัดราชบุรีนะครับ ไม่ว่าจะเป็น แก่งส้มแมว ห้วยคอกหมู น้ำพุร้อนโป่งกระทิง ตลาดเจ็ดเสมียน ถ้ำสาริกา  หากมีโอกาสคราวหน้าผมจะนำมาแนะนำให้เพื่อนรู้จักนะครับ ขอบพระคุณทุกๆท่านที่เข้ามาชมรีวิวนี้ หากมีข้อมูลใดผิดพลาดต้องขออภัยด้วยครับ แล้วพบกันใหม่ 



ช่วยกันมาเที่ยวราชบุรีกานเยอะๆนะค๊า 




หนึ่งหยดน้ำหลับไหลในสายน้ำ   แล้วอย่าลืมแวะไปนะครับ  ไปเที่ยวที่ราชบุรีบ้างนะครับ




เรวัติ  น้อยวิจิตร / ธีระ  เหลือทรัพย์สิน  ..  

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น